แวร์เอเบิ้ล (Wearable) คืออะไร? มีประวัติความเป็นมาจากไหน?
Wearable ก็คืออุปกรณ์สวมใส่ติดตัวกับร่างกายเสมือนว่าสิ่งของชิ้นนี้ที่เราพกพาเป็นดั่งอวัยวะส่วนนึงของร่างกายที่เราจะขาดเสียไม่ได้ในชีวิตประจำวันหรือห่างตัวเราไม่ได้เลยหากคิดและมองให้ดี
Wearable มันก็เหมือนของเล่นที่เราเล่นหรือใช้จนเกิดอาการเสพติดขาดมันไปเราก็ลงแดงแล้วถ้าเราย้อนอดีตไปในช่วงยุคต้น
ๆ จากการที่ผมสืบค้นหาข้อมูลจากหลาย ๆ เว็บที่มีเรื่องราวประวัติของ Wearable
พบว่ามันเริ่มมาจากสิ่งประดิษฐ์ง่าย ๆ
อย่าแว่นตาที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลี ในช่วงค.ศ 1285 และมีการพัฒนาตัวแว่นตามาเรื่อย
ๆ
โดยเริ่มต้นโดยบาทหลวง Giordano da Pisa (**ที่มา WikiPedia) เป็นผู้คิดค้นแว่นตาขึ้นมานับเป็นเวลาถึง 12 ปีที่เขาคิดค้นและพัฒนาและนำสู่การปฏิวัติให้ผู้คนที่มีปัญหาทางสายตาได้มองเห็นได้อย่างชัดเจนเหมือนเป็นคนปกติหรืออย่างเครื่องคิดเลขอย่างลูกคิดที่ชาวจีนคิดค้นขึ้นในช่วงยุคทศวรรษที่
17 และดัดแปลงให้มันเล็กลงจนเป็นแหวนเป็นต้น
จะเห็นได้ว่าจุดเริ่มต้นมาจากปัญหาในการใช้ชีวิตแถบทั้งสิ้นเลยต้องมีนักคิดนักประดิษฐ์เพื่อสร้างสรรค์อุปกรณ์ของวิเศษที่จะช่วยให้ชีวิตคนเราที่เจอปัญหาที่เกิดขึ้นให้ชีวิตดำเนินไปได้ง่ายขึ้นและสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นจากอุปกรณ์พื้นฐานอย่างแว่นตา
นาฬิกา เครื่องคำนวณตัวเลขอย่างลูกคิดและวิวัฒนาการของ Wearable ยุคแรกเริ่มจนมาสู่ยุคอีเล็กทรอนิกส์เป็น
Wearable ที่มีลูกเล่นมากขึ้นหลากหลายมากขึ้นโดยการผนวกจากสิ่งของหลายอย่างให้มารวมอยู่ในชิ้นเดียวกันพกพาสะดวกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแนวความคิดใหม่
ของการประดิษฐ์และคิดค้นจนเกิดสิ่งใหม่ออกเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันของคนเราได้อย่างไม่น่าเชื่อจนเกิดอุปกรณ์ที่มีพื้นฐานจากยุคแรกเริ่มที่เราเห็นได้ชัดเจนในยุคไอทีอย่าง
Smartwatch, Google Glasses, กำไลข้อมือสุขภาพ, แหวนที่สวมใส่แล้วแจ้งเตือนของส่วนตัวหายหรือแม้นแต่นาฬิกาสำหรับคนพิการที่สามารถช่วยให้คนพิการทางสายตารับรู้ได้ว่าเวลาเดินอยู่ที่กี่โมงนั้นก็คืออุปกรณ์ที่เกิดมาสำหรับคนที่ต้องการมันจริง
ๆ ที่อยากให้ชีวิตของตัวเองสะดวกสบายขึ้น
Wearable Technology ในยุคใหม่เริ่มต้นจากไหน?
Wearable หรืออุปกรณ์สวมใส่นั้นตามที่กล่าวตอบไว้แล้วและหลาย ๆ
คนรู้จักดีอย่าง Smartwatch ที่
คนในยุคไอทีอยากได้มาใช้งานโดยมีประโยชน์ในด้านช่วยให้คนเราที่รักสุขภาพหรือรักการออกกำลังกายได้รับรู้ว่าแต่ล่ะวันใช้พลังงานไปกี่แคลโลรี่
เดินวิ่งไปกี่ก้าว นอนไปกี่ชั่วโมง หรือตั้งเวลากำหนดแจ้งเตือนหรือใช้งานร่วมกับ Smart
Phone เพื่อช่วยแจ้งเตือนนัดหมาย แจ้งเตือนว่ามีมิสคอลกี่สาย
มีแมสเซสข้อความเข้ามันก็ช่วยให้เราคล่องตัวขึ้นแต่นั้นมันไม่ได้เหมาะกับคนทุกคนเพราะ
Life Style แต่ล่ะคนต่างกันไปอีกอย่างเจ้าตัว Wearable
ในยุคไอทีมีความเกี่ยวข้องกับงานด้านแฟชั่นรวมอยู่ด้วยตัวอย่าง Wearable
ที่เกิดขึ้นมาสำหรับผู้ชื่นชอบออกกำลังกายและเป็นจุดเริ่มต้นก็คงเป็นอุปกรณ์ของไนกี้คือ
Nike+ FuelBand
ที่ออกแบบมาในลักษณะของสายรัดข้อมือเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบออกกำลังกายแต่ในช่วงแรกที่วางขายในช่วงปี
2012 นั้นยังไม่บูมนักจะมีเพียงกลุ่มผู้ที่รักสุขภาพชอบออกกำลังกายและสนใจอุปกรณ์ชิ้นนี้กับมีกำลังซื้อเทคโนโลยีตัวนี้มาใช้งานเท่านั้นโดยในตัวฟีเจอร์ของ
Nike Plus FuelBand นี้จะเพียงตัวตรวจจับนับก้าวเดินกับตัวคำนวณวัดจำนวณการเผาพลาญแคลโลรี่ต่อวันเท่านั้นเรียกได้ว่าสุดจะเบสิคการทำงานของมันจะใช้งานร่วมกับ
Smart Phone อย่าง Apple iPhone และ Android
Phone ได้
แต่เมื่อไนกี้ทำแล้วก็ย่อมต้องมีบริษัทอื่น ๆ
ที่มองเห็นช่องทางทำเป็นของตนเองทำออกมาแข่งขันในตลาดทำให้ในปัจจุบันเราจะเห็นตัวอุปกรณ์
Smartwatch ออกมาขายมากมายเต็มไปหมดแล้วมันก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย
ๆ เพราะด้วยราคาที่ถูกลงฟีเจอร์ที่มากขึ้นยกตัวอย่างของถูกคุณภาพดีอย่าง Xiaomi
Mi Band ที่ดูเรียบง่ายแต่การออกแบบดูออกไปทางแฟชั่นสวมใส่ง่ายในลักษณะของสายรัดข้อมือ
Wristband แต่หลายคนหรือหลายแบรนด์จะเรียกกันว่า Smart
Band แทนก็คือ “สายรัดข้อมืออัจฉริยะ” นั้นเอง
ราคาวางจำหน่ายที่ไม่ถึงพันบาทแต่ประสิทธิภาพการจับวัดและเก็บสถิติถือว่าทำได้ดีโดยทำงานร่วมกับแอปใน Smart Phone แต่ก็มีกลุ่มรุ่นที่จะมีฟีเจอร์และความแม่นยำสูงกว่าย่อมแพกว่าพอสมควรอย่างกลุ่มของแบรนด์ Garmin เป็นต้นซึ่งมันทำให้เรารับรู้สถานการณ์ทำงานของร่างกายที่ค่อนข้างแม่นยำกว่าแบรนด์อื่น ๆ หรือถ้าจะคลาดเคลื่อนก็เล็กน้อยกว่ามากบางรุ่นกว่าจะขยับตัวเลขวัดการนับก้าวก็ขึ้นยากกว่าปกติแต่รวม ๆ ถ้าจับมาเทียบวัดนับก้าวกันจะเห็นความต่างได้อย่างชัดเจนแต่กระนั้นการเลือกซื้อของคุณก็อยู่กับงบและความชอบส่วนบุคคลเป็นปัจจัยหลักครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น