ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Order Fulfillment คืออะไร


Order Fulfillment
ระบบบริหารและจัดการคลังสินค้า (Order Fulfillment) เป็นระบบการจัดการเกี่ยวกับสินค้า โดยเชื่อมโยงการจัดการคลังสินค้า และการจัดส่ง เข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อการปฏิบัติงานที่คล่องตัวรวดเร็ว ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการให้บริการขนส่งสินค้า
กระบวนการของ Order Fulfillment
 1.การทำให้แน่ใจว่าลูกค้าจะต้องชำระเงิน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการชำระเงิน และการเตรียมการล่วงหน้า ความ
ถูกต้องของการชำระเงินแต่ละครั้งจะต้องมีการกำหนดไว้แล้ว ใน B2B ฝ่ายการเงิน ของ บริษัทฯ หรือสถาบันการเงิน (i.e., ธนาคาร หรือ a credit card issuer, such as Visa) การทำเช่นนี้ ถ้าเป็นทุกคนก็อาจทำให้การส่งสิ้นค้าล่าช้าออกไป ส่งผลให้เกิดการสูญเสียของค่าความนิยมหรือลูกค้าใน B2C ลูกค้ามักจะชำระเงินล่วงหน้าบ่อยครั้งโดยใช้บัตรเครดิตหรือโดยใช้บริการเสริม เช่น PayPal (บทที่ 11)
 2.การตรวจสอบความพร้อมในสต็อก ไม่ว่าผู้ขายเป็นผู้ผลิตหรือร้านค้าปลีก ทันทีที่สั่งซื้อสินค้าจะได้รับการ
สอบถามความต้องการ ที่จะทำเกี่ยวกับสินค้าคงคลังสถานการณ์ความเป็นไปได้หลายอย่าง ที่อาจเกี่ยวข้องกับการจัดการของที่มีอยู่ และฝ่ายการผลิต เช่นเดียวกับ supplier ภายนอก และสิ่งอำนวยความสะดวกในคลังสินค้า ในขั้นตอนนี้ข้อมูลการสั่งซื้อจะต้องมีการเชื่อมต่อไปยังข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับความพร้อมในสต็อกสินค้าคงคลัง หรือความสามารถในการผลิต
3.จัดการการขนส่ง หากผลิตภัณฑ์ที่มีพร้อมก็สามารถส่งให้ลูกค้าทันที ผลิตภัณฑ์ที่เป็น digital หรือทางกายภาพ หากสินค้าทางกายภาพ และมันก็เป็นพร้อมการจัดเตรียมบรรจุภัณฑ์และการขนส่งต้องมีการท า มันอาจจะเกี่ยวข้องกับทั้งการบรรจุภัณฑ์และแผนกจัดส่งและการส่งสินค้าทางเรือภายในหรือภายนอกของบริการ logistic สินค้าดิจิตอลมักจะมีเพราะ"สินค้าคงคลัง"ของพวกเขาไม่มีหมด แต่เป็นผลิตภัณฑ์digital เช่นซอฟต์แวร์ อาจจะอยู่ภายใต้การปรับปรุงและไม่พร้อมใช้งานได้ สำหรับการส่งมอบในบางครั้ง ไม่ว่ากรณีใด ข้อมูลข่าวสารต้องไปถึงหุ้นส่วนทั้งหลายเสมอ
4.ประกันภัย บางครั้งข้อมูลของการจัดส่งสินค้าจะต้องมีผู้ประกัน ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายการเงินและ บริษัทประกันภัย และเป็นอีกครั้งที่ข้อมูลข่าวสารไม่เพียงแต่แจ้งแค่ภายในบริษัทเท่านั้น แต่รวมไปถึงลูกค้าและตัวแทนประกันด้วย
5.การเสริมกำลัง คำสั่งที่กำหนดเอง จะเป็นตัวนำของความต้องการเพื่อสำหรับการผลิต หรือการประกอบต่าง ๆ ในทำนองเดียวกันหากสินค้ามาตรฐานจะออกจากสต็อก พวกเขาจะต้องผลิตหรือจัดหา ในทั้งสองกรณี การผลิตสามารถทำได้ในบ้านหรือโดยผู้รับเหมา supplier ที่เกี่ยวข้องอาจจะมีsupplier ของตนเอง
6.การผลิตในบ้าน การผลิตในบ้านจะต้องมีการวางแผน การวางแผนการผลิตเกี่ยวข้องกับคน, วัสดุ, อุปกรณ์,เครื่องจักร, ทรัพยากรทางการเงิน, supplier และผู้รับเหมา ในกรณีของการประกอบหรือการผลิตหรือทั้ง2อย่าง การให้บริการโรงงานอาจจะต้องรวมถึงการท างานร่วมกันที่เป็นไปได้ กับพันธมิตรทางธุรกิจ การบริการอาจรวมถึงการกำหนดเวลาของคนและอุปกรณ์การเปลี่ยนแผนการผลิตสินค้าอื่น ๆการท างานร่วมกับวิศวกรรมในการแก้ไข จะได้รับอุปกรณ์และการเตรียมข้อมูล สถานที่การผลิตจริงอาจจะอยู่ในประเทศอื่นที่ไม่ใช่สำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ หรือร้านค้าปลีก ซึ่งต่อไปอาจมีความซับซ้อนการไหลของข้อมูลและการสื่อสาร ความต้องการทั้งหมดนี้จะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิภาพตามที่อธิบายไว้ใน
7.การใช้ผู้รับเหมา ผู้ผลิตอาจเลือกที่จะซื้อสินค้าหรืออุปกรณ์ประกอบย่อยจากผู้รับเหมาในทำนองเดียวกัน
ถ้าผู้ขายเป็นผู้ค้าปลีก เช่นในกรณีของ amazon.com หรือ walmart.com ที่ร้านค้าปลีกจะต้องซื้อผลิตภัณฑ์
จากผู้ผลิตและสถานการณ์ที่เป็นไปได้ คลังสินค้าต้องสามารถสต็อกรายการซื้อไว้ ซึ่ง Amazon.com จะมี
หนังสือที่ขายดีที่สุด, ของเล่น, และรายการสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ อย่างไรก็ตาม Amazon.com จะไม่ stock
ไว้สำหรับการที่ได้รับเพียงไม่กี่คำสั่ง ในทั้งสองกรณีได้รับการที่เหมาะสมและการประกันคุณภาพของวัสดุและผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาจะต้องเกิดขึ้นการจัดส่งเมื่อมีการผลิต หรือการจัดซื้อในรูปแบบ supplier (Activity 7) เสร็จสิ้นการจัดส่งให้กับลูกค้า เรียงตามลำดับ
8.ติดต่อกับลูกค้า พนักงานขายจำเป็นต้องให้ในการติดต่อกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างใน B2B เริ่มต้นด้วยการแจ้งเตือนการสั่งซื้อที่ได้รับและลงท้ายด้วยการแจ้งเตือนของการขนส่งหรือการเปลี่ยนแปลงในวันที่จัดส่ง ติดต่อเหล่านี้มักจะทำผ่านทางe - mail และถูกสร้างขึ้นบ่อยครั้งโดยอัตโนมัติ (เช่น การใช้ RFID)
9.การส่งกลับ ในบางกรณีที่ลูกค้าต้องการเปลี่ยนหรือส่งสินค้ากลับ    ผลกระทบดังกล่าวสามารถเป็นปัญหาสำคัญที่เป็นเงินมากกว่า $ 100 พันล้านดอลลาร์ ในอเมริกาเหนือสินค้าจะถูกส่งกลับในแต่ละปี (Kuzeljevich 2004)สำหรับสถานการณ์ทั้งออนไลน์และออฟไลน์รวมทั้ง การเคลื่อนไหวของผลตอบแทนจากลูกค้ากลับไปยังผู้ขายจะเรียกว่า logistics ย้อนกลับ (Reverse logistics)
- ความต้องการของลูกค้า (Customer preferences) ลูกค้ามักจะไม่ยอมรับการให้บริการใน
ด้านของการเสนอข้อมูลจากบริษัทฯ มากนัก (มีเพียง 19% ที่พบ) ดังนั้นพวกเขาจึงต้องให้ความ
สนใจ ในฐานะที่เป็น บริษัทฯที่ให้บริการแบบออนไลน์แม้ว่าสถานการณ์นี้อาจมีการ
เปลี่ยนแปลง เมื่อติดต่อ บริษัทฯ สำหรับข้อมูลลูกค้าใช้ e - mail มากกว่าโทรศัพท์ (71%
เมื่อเทียบกับ 51 )
- ประเภทของบริการ (Types of service) สี่ประเภทของการบริการอยู่ตามที่ลูกค้าจะได้
ประสบการณ์ในการซื้อในระหว่างการ shopping (ผลิตภัณฑ์การค้นหาเปรียบเทียบ,
หาคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์) ในระหว่างการซื้อ (ค าถามเกี่ยวกับการรับประกันการเรียกเก็บเงิน,
ใบเสร็จรับเงินการชำระเงิน) หลังจากยืนยันการซื้อ (การตรวจสอบ สถานะในการประมวลผล
และในการจัดส่ง) และหลังจากได้รับรายการ (ตรวจสอบวิธีการส่งคืน, วิธีการใช้สินค้า)
- การแก้ไขปัญหา (Problem resolution) ลูกค้าคาดหวังในการแก้ไขปัญหาที่จะต้องรวดเร็ว
และคาดหวังว่าปัญหาที่จะแก้ไข ต้องมีความพึงพอใจ ดังนั้นต้องง่ายแก่การส่งคืนและสามารถ
ติดตามการสั่งซื้อได้
- ตัวเลือกการจัดส่งสินค้า (Shipping options) การขนส่งสินค้าควรมีตัวเลือกที่หลากหลาย
เพื่อให้รู้ค้าพึงพอใจ
- การป้องกันการฉ้อโกง (Fraud protection) ลูกค้าต้องการให้มีวิธีการบางอย่างเพื่อ
ตรวจสอบสถานะของการสั่งซื้อที่สามารถติดตามได้ทั้งทางโทรศัพท์หรือออนไลน์การบริการ
เหล่านี้เป็นที่ต้องการอย่างยิ่ง รวมทั้งการแจ้งเตือนการสั่งซื้อและนโยบายการคืนสินค้าที่ชัดเจน
- การพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้า (Developing customer relationship) ซึ่งรวมถึงการ
สร้างความไว้วางใจให้มีความปลอดภัยและมั่นใจได้ว่ามีการป้องกันความเป็นส่วนตัว
- ประวัติตัวแทน (Agent profiling) กระบวนการของการจับคู่ตัวแทนบริการโดยตรงกับความ
ต้องการและบุคลิกของลูกค้าเป็นสถานการณ์ที่ win - win สำหรับธุรกิจ, ลูกค้า, และพนักงาน
ขั้นตอนการสั่งซื้ออาจจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับการผลิตและผู้ขาย และขั้นตอนการสั่งซื้อยัง
แตกต่างกันระหว่าง B2B และ B2C ระหว่างการส่งมอบของสินค้ากับบริการ และระหว่างผลิตภัณฑ์ขนาดเล็กและใหญ่ นอกจากนี้ สถานการณ์บางอย่าง เช่นในกรณีวัสดุที่มีการเน่าเสีย หรือจำพวกอาหาร จะต้องมีการเพิ่มขั้นตอนและการบริหาร

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ศาสตร์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ศาสตร์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ( computer engineering) เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและสร้างเครื่องหรือระบบคอมพิวเตอร์ และ ระบบที่ใช้คอมพิวเตอร์ ศาสตร์นี้เกี่ยวข้องกับการศึกษาทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ การสื่อสาร และความเกี่ยวเนื่องระหว่างเรื่องทั้งสาม หลักสูตรการเรียนมุ่งเน้นทางด้าน ทฤษฎี กฎ และ การฝึกฝนปฏิบัติของทางด้านวิศวกรรมไฟฟ้า และ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์รวมถึงการประยุกต์เข้ากับปัญหาทางด้านการออกแบบคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์ที่ใช้คอมพิวเตอร์ วิศวกรคอมพิวเตอร์ ศึกษาการออกแบบระบบฮาร์ดแวร์ดิจิทัล ซึ่งรวมถึงระบบการสื่อสาร องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์ วิศวกรคอมพิวเตอร์จะเรียนการพัฒนาซอฟต์แวร์ โดยมุ่งเน้นเกี่ยวกับซอฟต์แวร์สำหรับอุปกรณ์ดิจิทัล และ การสร้างส่วนต่อประสานระหว่างผู้ใช้งานซอฟต์แวร์ และ ระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งความรู้ทางด้านวิศวกรรมที่ดีด้วย ปัจจุบันสาขาวิชาที่สำคัญในด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์คือ ระบบฝังตัว การพัฒนาอุปกรณ์ที่มีซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ฝังตัวภายใน เช่น อุปกรณ์สื่อสารอย่าง โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่

คุณลักษณะของระบบสารสนเทศ TPS, MIS, DSS, EIS

คุณลักษณะของระบบสารสนเทศ TPS, MIS, DSS, EIS 1. ระบบการประมวลผลทางธุรกิจ ( Transaction Processing System : TPS)      ระบบการประมวลผลทางธุรกิจ มักเป็นการประมวลผลต่อวัน เช่น การรับ – จ่ายบิล ระบบควบคุมสินค้าคงคลัง ระบบรายรับ – จ่ายสินค้า ระบบนี้เป็นระบบสารสนเทศลำดับแรกที่ได้รับ การพัฒนาให้ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ลักษณะเด่นของระบบ TPS   การทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานง่าย ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน ซึ่งระบบนี้เกือบทั้งหมดใช้การประมวลผลแบบออนไลน์ และสิ่งที่องค์กรจะได้รับเมื่อใช้ระบบนี้ คือ      – ลดจำนวนพนักงาน      – องค์กรจะมีการบริการที่สะดวกรวดเร็ว      – ลูกค้ามีจำนวนเพิ่มมากขึ้น 2. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ ( Management Information System : MIS)      ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ คือ ระบบที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหารที่ต้องการ การประมวลผลของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้ประโยชน์มากกว่าการช่วยงานแบบต่อวัน MIS จึงมีความสามารถในการคำนวณเปรียบเทียบข้อมูล ซึ่งมีความหมายต่อการจัดการและบริหารงานเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นระบบนี้ยังสามารถสร้างสารสนเทศที่ถูกต้องทันสมัย คุณสมบัติของระบบ MIS คือ

ระบบ SAP

       ระบบ  SAP                 SAP เป็นระบบขนาดใหญ่ที่ได้รวมเอาโซลูชั่นต่างๆ เข้ามารวมไว้ในระบบ โดยสามารถเขียนโปรแกรมให้ทำงานเฉพาะโซลูชั่นที่ต้องการได้ และหากมีหลายโซลูชั่นก็สามารถนำข้อมูลไปใช้ร่วมกันได้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม ปัจจุบันนี้โปรแกรมเมอร์มากมายต่างหันมาสนใจ SAP กันมากขึ้น โซลูชั่นที่ SAP รองรับนั้นมีมากมาย อาทิ ระบบไฟแนนซ์ ระบบบริหารงานบุคคล ระบบลูกค้าสัมพันธ์ ระบบบัญชี ระบบสินค้าคงคลัง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการนำไปประยุกต์ใช้กับระบบคนไข้ในโรงพยาบาลบางแห่ง โดยระบบงานต่างๆ ในแต่ละส่วนเหล่านี้เอง คือ ส่วนที่เรียกว่า "โมดูล" หากคุณจะเริ่มศึกษา SAP นั้นคุณจะต้องทราบก่อนว่าคุณจะศึกษาในส่วนใด และนำไปใช้กับงานลักษณะใด ซึ่ง SAP จะแบ่งระบบงานต่างๆ แยกย่อยเป็นโมดูล ซึ่งแต่ละโมดูลเป็นอิสระต่อกัน และสามารถนำเอาข้อมูลในแต่ละส่วนมาเชื่อมโยงกันได้                SAP ประกอบไปด้วยการทำงานมี 3 ลักษณะคือ Functional ,Basis ,Abap Programming จะแบ่งเป็น R3 และ Net Weaver Version - Functional คือ ลักษณะงานเป็นแบบ Consultant คือให้คำปรึกษา, วางรูปแบบการทำงาน จัดการ Process ต่า