Outsource
ความเป็นมาของ Outsourcing
การ
Outsource คือการที่องค์กรมอบหมายงานบางส่วนของตนให้กับบุคคลหรือองค์กรภายนอกมาดำเนินการแทน
โดยผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้กำหนดและควบคุมกำกับทุกส่วนตั้งแต่นโยบายไปจนถึงการปฏิบัติงานในทุกๆขั้นตอนของผู้รับจ้าง
การให้บริการ Outsource ด้านระบบสารสนเทศ
สามารถแบ่งการให้บริการใหญ่ๆได้ดังแสดงดังรูป
Desktop Services
|
|
Network management / Networking & Connectivity Services
|
|
Web Hosting
|
Data Center Services
|
Continuity Services
|
|
Application Management Services
|
เราอาจจะเลือกใช้เทคโนโลยี (Computer Operation) เป็นการกล่าวถึง outsourcing
ด้านนี้ เพราะ outsource จะมีหลากหลายงานไม่ว่าจะเป็นยาม,
แม่บ้านทำความสะอาด เห็นว่าด้าน computer จะดูเรื่อง
maintain ซึ่งงานส่วนใหญ่ที่มองเห็นจะเป็น 1 ใน 3 จะเป็น System
ระบบ Admin ทั้ง software, hardware และ Network ดูแลระบบเพื่อให้ทำงานได้
อาจจะโอนเครื่องหรือโอนคนหรือโอนทั้งสองอย่างไปยังคนที่รับจ้าง Outsourcing
เช่น ธนาคาร เป็นต้น จาก Line การผลิตที่เพิ่มขึ้นหลายที่จะโอนอุปกรณ์ที่รวมค่าจ้างการทำและดูแลรักษาความปลอดภัย
บางบริษัทอาจจะจัดการหรือดูแลรักษาที่ไม่ดี เช่น ระบบติดไวรัส
หรือระบบเครือข่ายล่ม เหล่านี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจาก Operation ที่ไม่มีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนหรือไม่มีความเชี่ยวชาญ
ตัวอย่างการ Outsource
-
การบริการเครื่องคอมพิวเตอร์ (Desktop
Service) เป็นการดูแลเครื่องคอมพิวเตอร์ Desktop เครื่อง Server และระบบเครือข่ายท้องถิ่น (LAN)
ซึ่งเป็นส่วนที่ผู้ใช้บริการด้านสารสนเทศของหน่วยงานนั้นๆจะต้องได้รับบริการจากส่วนงานที่ให้บริการขององค์กรนั้นๆ
ขอบเขตของการบริการนี้ยังแบ่งเป็นหลายระดับ โดยเริ่มตั้งแต่การวางแผนระบบ Server
, PC , LAN ของผู้ว่าจ้าง การดำเนินการติดตั้งทดสอบระบบงานต่างๆ
การตอบปัญหาการใช้งานเครื่อง PC ในลักษณะการบริการ ณ
จุดเดียว การดูแลบำรุงรักษาซ่อมแซมเมื่อเครื่องชำรุด
ไปจนถึงการซึ่งอาจจะรวมถึงการจัดซื้อติดตั้ง
และการเปลี่ยนเครื่องให้ทันสมัยและพร้อมที่จะใช้งานกับระบบใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา
เป็นต้น ซึ่งผู้ว่าจ้างสามารถเลือกระดับการให้บริการจากผู้ให้บริการตามความจำเป็นได้
ปัจจุบันหน่วยงานที่ใช้ลักษณะนี้ เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
และบริษัท ESSO เป็นต้น
-
การบริการเชื่อมต่อและจัดการเครือข่ายสื่อสาร (Network
Management / Networking & Connectivity Service) เป็นการบริหาร
จัดการให้องค์กรสามารถใช้งานเครือข่ายสื่อสารคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมโยงการทำงานระหว่างส่วนงานต่างๆขององค์กรหรือระหว่างองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
โดยที่ผู้รับจ้างจะทำหน้าที่บริหารระบบเครือข่ายการสื่อสารของผู้ว่าจ้างซึ่งอาจจะรวมถึงการจัดหา
ติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารต่างๆตามที่ผู้ว่าจ้างต้องการให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา
ปัจจุบันหน่วยงานที่ใช้บริการลักษณะนี้เช่น กระทรวงแรงงาน เป็นต้น
-
การบริการศูนย์คอมพิวเตอร์ (Data Center
Service) เป็นการบริการที่ครอบคลุมการบริหารจัดการศูนย์คอมพิวเตอร์ให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
การบริการอาจครอบคลุมถึงการออกแบบ จัดหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ติดตั้ง
รวมถึงการจัดหาบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญด้านการดำเนินการในศูนย์คอมพิวเตอร์มาดำเนินการบริหารศูนย์คอมพิวเตอร์แทนผู้ว่าจ้าง
การดูแลระบบคอมพิวเตอร์โดยที่ระดับของคุณภาพของการให้บริการ (Service Level)
จะถูกกำหนดโดยข้อตกลงระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้ให้บริการและจะถูกควบคุมโดยผู้ว่าจ้าง
หน่วยงานที่ใช้การบริการแบบนี้ เช่น กรมสรรพากร ธนาคารกสิกรไทย เป็นต้น
-
การให้บริการด้านความต่อเนื่องการให้บริการ (Continuity
Service) เป็นการบริการเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ว่าจ้างในความต่อเนื่องของการใช้บริการขององค์กรนั้นๆว่าจะสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องได้มากที่สุด
การบริการนี้อาจจะรวมถึงการออกแบบ ติดตั้ง บริหาร
ศูนย์คอมพิวเตอร์สำรองขององค์กรนั้นเพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นใจในการให้บริการในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือเกิดความเสียหายอย่างรุนแรง
(Disaster) ของศูนย์คอมพิวเตอร์หลัก
การปรับปรุงเครื่องมือให้มีขนาดและความทันสมัยอยู่เสมอสามารถรองรับงานที่เพิ่มเติมได้
ปัจจุบันหน่วยงานที่ใช้บริการนี้ เช่น ธนาคารกสิกรไทย และสำนักงานประกันสังคม
เป็นต้น
-
การให้บริการด้านศูนย์คอมพิวเตอร์ของ web (Web
Hosting Service) การบริการนี้เป็นการให้บริการที่สามารถครอบคลุมเริ่มตั้งแต่การออกแบบ
ติดตั้ง ดูแล ศูนย์คอมพิวเตอร์ที่ให้บริการ Web ซึ่งอาจจะรวมถึงการนำ
Web Server ของผู้ว่าจ้างมาติดตั้งและดูแลการให้บริการด้าน Internet
ขององค์กรนั้นๆ ผู้ให้บริการ Outsource ของบริการนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ให้บริการด้าน
Internet เดิมอยู่แล้ว
-
การให้บริการด้านการบริหารระบบงาน (Application Management
Service) การบริการนี้เป็นการให้บริการด้านการบริหารโปรแกรมระบบงานต่างๆซึ่งอาจจะเริ่มตั้งแต่ออกแบบ
พัฒนา ติดตั้ง ดูแล โปรแกรมระบบงาน
นอกจากนี้อาจจะรวมถึงการตอบปัญหาด้านโปรแกรมระบบงาน (Application Help
Desk) การจัดการบริหาร Source Code , Version , Modification
ของโปรแกรมระบบงานต่างๆ หน่วยงานที่ใช้บริการ เช่น ธนาคารกสิกรไทย
และกรมสรรพากร เป็นต้น
เหตุผลและความจำเป็นของ
Outsource
แนวคิดของการ
Outsource เกิดขึ้นจากเหตุผลหลายประการ เช่น
การแข่งขันทางด้านธุรกิจและด้านการบริการแก่ลูกค้าที่มีการแข่งขันสูง การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ความล่าช้าในการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานและบริหารระบบสารสนเทศ
จากสาเหตุดังกล่าว
ผู้บริหารองค์กรเริ่มมีการพิจารณาที่จะมอบมายภารกิจด้านการบริการระบบสารสนเทศทั้งหมดหรือบางส่วนให้กับบุคคลภายนอกที่มีความรู้ความชำนาญและมีเทคโนโลยีที่ดีกว่าเข้ามาบริหารระบบสารสนเทศขององค์กรนั้นๆให้สามารถแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดังนั้นเหตุผลที่การ Outsource เริ่มมามีบทบาทในระบบสารสนเทศปัจจุบันมากขึ้นเนื่องจากองค์กรต่างๆเล็งเห็นประโยชน์ของการ
Outsource ดังนี้
-
องค์กรนั้นๆลดภาระในการดูแลทรัพย์สินของระบบสารสนเทศ เช่น
เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง อุปกรณ์ของระบบเครือข่ายสื่อสาร เป็นต้น
ซึ่งจะทำให้สามารถที่จะคำนวณถึงค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
-
องค์กรสามารถลดภาระในการวางแผนทางด้านเทคโนโลยีโดยจะวางแผนเฉพาะด้านนโยบายและการบริการใหม่ๆที่ต้องการนำมาเป็นกลยุทธ์ในการแข่งขันในตลาดเท่านั้นไม่จำเป็นต้องนำประเด็นของการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีมาเป็นประเด็นสำคัญในการพิจารณา
-
องค์กรที่มีปัญหาทางด้านการควบคุมค่าใช้จ่ายของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
อาจเปลี่ยนแปลงมาใช้การ Outsource เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย
อีกทั้งสัญญาการ Outsource ที่ดีจะทำให้ผู้ว่าจ้างมีความยืนหยุ่นในการขยายประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์เพื่อรองรับปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นได้
โดยมีค่าใช้จ่ายตามที่ตกลงกัน
-
สามารถลดภาระในการพัฒนาบุคลากรขององค์กรให้มีความรู้ความชำนาญด้านเทคโนโลยีในการบริหารระบบสารสนเทศ
กล่าวคือ
สามารถลดปัญหาพื้นฐานความรู้ของพนักงานที่ไม่เข้าใจหรือไม่สามารถติดตามเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆได้ทัน
หรือพนักงานอาจมีภาระงานมากจนทำให้ไม่สามารถติดตามเทคโนโลยีได้ทัน
-
ความต้องการให้พนักงานของตนไปทำงานอื่นที่มีประโยชน์ต่อองค์กรมากกว่าทำการดูแลบำรุงรักษาระบบสารสนเทศ
-
ไม่สามารถว่าจ้างบุคลากรที่มีทักษะบางด้านเข้ามาทำงานได้
เนื่องจากเงื่อนไขการจ้างไม่ดึงดูดใจบุคลากรเหล่านั้น
หรือไม่สามารถที่จะดึงดูดใจให้บุคลากรเล่านั้นทำงานอยู่กับองค์กรได้ในระยะยาว การ Outsource จะทำให้ไม่จำเป็นต้องเพิ่มบุคลากรในองค์กรเพิ่มขึ้นทำให้องค์มีขนาดที่เหมาะสมและสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
สามารถกำหนดระดับของบริการ (Service Level) ได้ เช่น ต้องการให้เสร็จสิ้นภายในเวลาเท่าใด
ความผิดพลาดที่มีไม่ควรเกินอัตราหรือสัดส่วนเท่าใด
การทำงานทั้งในส่วนกลางและในส่วนภูมิภาคในทุกช่วงของเวลา เป็นต้น
ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความพึงพอใจกับการให้บริการของฝ่ายงานสารสนเทศต่อทั้งผู้ใช้ภายในและภายนอกองค์กร
-
ต้องการให้องค์กรมีการให้บริการทางด้านสารสนเทศเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้กันทั่วไป
ประเด็นที่ควรพิจารณาในการดำเนินการ
Outsource
มีประเด็นใหญ่ๆดังนี้
-
ผู้ให้บริการ (Outsource) ควรเป็นบริษัทที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ในการให้บริการด้าน
Outsource ที่เป็นมาตรฐานสากล
-
ระดับการให้บริการ Outsource ควรจะต้องคำนึงถึงความลับของข้อมูลขององค์กรนั้นๆ
-
ควรมีบุคลากรเพื่อการบริหารและจัดการกับผู้ให้บริการเพื่อควบคุมระดับการให้บริการของผู้ให้บริการ
-
การทำการ Outsource อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการในการปฏิบัติงานของหน่วยงานนั้นๆ
ดังนั้น ผู้บริหารระดับสูงควรให้การสนับสนุนเพื่อให้ความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ
-
ขอบเขตและระดับการ Outsource ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้องค์กรนั้นยังสามารถกำหนดทิศทางและนโยบายทางด้านเทคโนโลยีได้
ข้อดี ข้อเสีย
ของการ Outsource
Outsourcing คือการถ่ายงานที่ไม่ใช่หัวใจสำคัญขององค์กรไปให้บริษัทอื่นที่มีความเชี่ยวชาญในงานนั้นๆเป็นผู้รับผิดชอบ
เนื่องจากบริษัทอื่นมีต้นทุนในการทำงานนั้นที่ต่ำกว่า
สามารถทำงานได้โดยมีคุณภาพที่ดีกว่า และเพื่อให้องค์กรได้มุ่งเน้นเฉพาะ Competencies
ของตนเอง
ปัจจุบันนี้การ
Outsource ในหลายส่วนงานขององค์กร เช่น บัญชี กฎหมาย
การวิจัย งานด้าน Call Center รวมถึงงานด้าน IT ซึ่งในปัจจุบันบริษัทที่ทำธุรกิจ IT Outsource ในหลากหลายสาขา
เช่น Software development , system maintenance , network management ,
security audit , IT operations , data analysis เป็นต้น
ข้อดีของ Outsourcing
-
ช่วยลดต้นทุนขององค์กร งานด้าน IT หลายอย่างมีต้นทุน overhead cost เช่น
ค่าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ค่าซอฟท์แวร์ ซึ่งอาจไม่คุ้มค่าที่องค์กรจะลงทุน
แต่บริษัทที่ทำธุรกิจ Outsourcing ได้ลงทุนในสิ่งเหล่านี้ไปแล้วเพื่อรองรับลูกค้าจำนวนหลายราย
นอกจากนี้บริษัท Outsourcing หลายแห่งดำเนินการอยู่ในประเทศที่มีค่าแรงต่ำ
เช่น อินเดีย ทำให้มีต้นทุนในการดำเนินงานที่ต่ำกว่า
-
คุณภาพงานที่ดีกว่า บริษัท Outsourcing มักจะมี know – how ที่เกิดจากประสบการณ์ในการให้บริการกับลูกค้าหลายราย
และมีบุคลากรที่มีความรู้เฉพาะทางในด้าน IT ทำให้สามารถดำเนินงานได้อย่างมีมาตรฐานและมีคุณภาพสูงกว่าการที่องค์กรจะทำเอง
-
ช่วยให้องค์กรมุ่งเน้นเฉพาะงานที่เป็นหัวใจสำคัญ การ Outsource งานที่ไม่ใช่หัวใจสำคัญขององค์กรไปให้บริษัทอื่น
นอกจากจะช่วยลดต้นทุนขององค์กรแล้ว
ยังช่วยให้ฝ่ายบริหารสามารถลดภาระงานที่ไม่ใช่หัวใจสำคัญ เพื่อมุ่งเน้นและพัฒนา function
ที่เป็นหัวใจหลักขององค์กรให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
-
ความได้เปรียบ ที่เกิดจาก time zone ที่แตกต่างกัน
เช่น การส่งข้อมูลการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาด NYSE หลังจากปิดตลาดแล้วไปยังบริษัท
Outsourcing ในประเทศอีกซีกโลก เช่น อินเดีย
เพื่อทำการประมวลผลข้อมูลและจัดทำบทวิเคราะห์ข้อมูล ส่งกลับมาให้ผู้บริหารใน New
York ในเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจได้ทันที
ข้อเสียของ Outsourcing
-
การเปิดเผยความลับขององค์กร การ Outsource งานบางประเภททำให้องค์กรจะต้องเปิดเผยข้อมูลสำคัญบางอย่างให้แก่บริษัท Outsourcing
เช่น ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลโครงการในอนาคตของบริษัท
หรือข้อมูลทางการเงินซึ่งอาจมีความเสี่ยงที่ข้อมูลจะหลุดไปถึงบริษัทคู่แข่งได้
-
ผลงานของบริษัท Outsourcing ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
องค์กรจะต้องมีการติดต่อประสานงาน (interface) กับบริษัท Outsourcing
อย่างละเอียดรอบคอบเพื่อให้งานเป็นไปตามที่ต้องการ
แต่อาจมีความเสี่ยงที่ผลงานของบริษัท Outsourcing จะไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
ทำให้ต้องเสียเวลาในการแก้ไข ซึ่งอาจส่งผลเสียหายต่องานโดยรวมขององค์กรได้
และการที่องค์กรจะเปลี่ยนบริษัท Outsourcing เป็นบริษัทอื่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก
เนื่องจากมี switching cost ในการโอนถ่ายงานสูง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น